[BM] 14
HERE'S ALWAYS HERE
POSTED ON 25.11.2022
IN CONVERSATION—
ทราย โชนะโต
EN
|
TH
อากาศร้อนอบอ้าวพายุกำลังมาอีกระลอก น้ำท่วมเกิดบ่อยและนานขึ้นทุกที ในที่สุดบ้านของเธออยู่กลางหนองน้ำตลอดทั้งปี รอบตัวไม่มีความเคลื่อนไหวใด นอกจากปลาในน้ำ … เธอมองนกฝูงใหญ่บินผ่านไป
ผู้คนมักสงสารที่ไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปจากโลก แต่พวกมันครองโลกยาวนานอยู่เป็นร้อยล้านปี เป็นระยะเวลาอันแสนยาวนาน นานเสียจนเธอนึกไม่ออก เธอแน่ใจว่ามนุษย์คงอยู่ไม่ได้นานเท่านั้นหรอก พวกเราเปราะบางเหลือเกิน น้ำท่วมเพียงไม่นาน ผู้คนค่อยๆ เจ็บป่วย ตาย อพยพหนีหายจากชีวิตเราไปหมด สิ่งมีชีวิตในอนาคตจะจดจำเผ่าพันธุ์มนุษย์ว่าอย่างไรกันหนอ สามีบอกว่าเธอคิดฟุ้งซ่าน แค่เรารอดไม่ต้องออกไปหาอาหารให้ลำบากข้างนอกก็น่ายินดีพอแล้ว อย่าไปคิดอะไรมาก แค่นอนรอให้ทุกอย่างกลับมาปกติ
โทรศัพท์ของเธอสั่นท่ามกลางความเงียบสงัดกลางแหล่งน้ำใหญ่…สามีโทรบอกให้เธอรีบกลับบ้าน เขาโวยวายว่ามีตัวเหี้ยขนาดใหญ่เข้ามาในห้องนอนไม่ยอมออกไปไหน เธอไม่เข้าใจว่าเขากลัวอะไรพวกมัน เราอยู่ในพื้นที่น้ำขังกว้างใหญ่มานานจนลืมไปแล้วว่าเฟอร์นิเจอร์ชั้นล่างเคยอยู่ตรงไหนพวกสัตว์กลายเป็นเพื่อนบ้านแทนผู้คนที่อพยพจากไป เขายังไม่ยอมรับความจริงเสียที
น้ำท่วมยาวนาน พวกสัตว์หลุดหลงเข้ามาในบ้านบ่อยครั้งตามซอกและรูในบ้านที่แตกพัง ยุง แมงมุม หอยทาก นก หนู เต่า ตุ๊กแก งู คางคก ค้างคาว พวกมันคงแยกพื้นที่ในบ้านและนอกบ้านไม่ออก เธอไม่ได้หวาดกลัวพวกมันเท่าสามี เลยเป็นหน้าที่เธอที่จะต้องจัดการเรื่องพวกนี้ เธอต้องเอาพวกมันออกไปจากบ้านทุกครั้ง
เสียงของสามีพูดรัว เขากำลังตื่นตระหนก บอกว่า เขาคงนอนไม่หลับหากสัตว์บุกรุกที่น่าเกลียดไม่ออกไปจากบ้านก่อน มันอาจมาทำร้ายขณะเขานอนหลับลึก เวลานี้การนอนคือเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขา เขานอนวันละ 20 ชั่วโมงและพยายามเพิ่มชั่วโมงไปเรื่อยๆ เรื่องอื่นใดในโลก… ไม่สำคัญอีกต่อไป
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากรีบกลับบ้านให้สามีสบายใจ เธออยากบอกให้เขารอและดูก่อนบ้าง… เหมือนกับที่เขาชอบบอกเธอ แต่เขาคงจะฉุนเฉียวและน้อยใจ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย มันจะไม่กินเราหรอก พวกมันน่ะก็อาจจะสับสน เดินหาอาหารไปเรื่อยไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมสามีของเธอถึงเกลียดกลัวพวกสัตว์เลื้อยคลานนักหนา
“โอเค เดี๋ยวรีบกลับไป” เธอบอกเขา
เธอค่อยๆ พายเรือกลับไปในลำคลองซึ่งเคยเป็นถนนในซอยหมู่บ้าน ซึ่งบัดนี้น้ำท่วมสูง เธอสังเกตว่าบางวันน้ำขุ่น บางวันน้ำใส บางวันน้ำนิ่ง บางวันน้ำไหลเอื่อยๆ บางวันน้ำนิ่งสนิทไร้คลื่น ไม่มีใครขับเรือผ่านไปมา เพื่อนบ้านก็อพยพหายไปหมด บางวันน้ำลดลงเล็กน้อย บางวันน้ำขึ้นสูงเร็วจนน่าวิตก เธอไม่รู้ว่าน้ำมาจากไหนมากมายและน้ำคงอยู่ยาวนานอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแห้งเหือดไป
เธอจำได้ว่าในปีแรกที่อากาศเริ่มแปรปรวน บางวันฝนตก บางวันร้อนอบอ้าวจนเหงื่อผุด เธอกับสามีคุยกันเรื่องลมฟ้าอากาศทั้งวันทั้งคืน ติดตามข่าว ตั้งแจ้งเตือน ซับสไครบ์ทุกบริการที่จะช่วยให้รู้ถึงสภาพอากาศล่วงหน้าเพื่อวางแผนชีวิตให้ง่ายขึ้น นั่งฟังพยากรณ์อากาศทุกชั่วโมง ค่าอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วน้ำ ความเร็วลม ความกดอากาศ สามีดูภาพถ่ายจากดาวเทียม และข้อมูลตัวเลขอีกมากมายที่เธอไม่อาจจดจำได้หมด
พอผ่านไปนานเข้าหลายเดือนจนเป็นปี ฝนเริ่มตกต่อเนื่องไม่หยุด ไม่มีที่ให้น้ำระบายไปเพราะน้ำทะเลก็สูงขึ้นด้วย น้ำค่อยๆ สูงจนบ้านไม่เหลือพื้นที่ชั้นล่างไว้ใช้สอย ไม่มีใครสนใจลมฟ้าอากาศอีกต่อไป เราเริ่มหมดเรื่องจะคุย อาหารที่กักตุนร่อยหรอลงเรื่อยๆ ต้นไม้ใหญ่รอบๆ ค่อยๆ ตายลงเพราะรากเน่า บริเวณแถวบ้านของเธอกลายเป็นหนองน้ำกว้างใหญ่หลายตารางกิโลเมตร พวกเขาโชคร้ายที่ตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมดมาซื้อบ้านอยู่แถวนี้
น้ำท่วมชั้นล่างของบ้านเธอไปนานแล้ว ต้นไม้ใหญ่จำนวนมากค่อยๆ ตายไป กระแสน้ำขึ้นลงนั้นเคลื่อนย้ายสิ่งของในบ้านไปตามอำเภอใจ เชื้อรา ตะไคร่น้ำ ค่อยๆ กัดกินผนังบ้านที่อับชื้น ซอกมุมในบ้านเกิดเห็ดงอกขึ้นมา ประตูหน้าบ้านหลุดลอยหายไปกับน้ำ เธอเอาเทปมาปิดกระจกหน้าต่างห้องนอนที่ร้าวจากพายุ ลานจอดรถหน้าบ้านกลายเป็นบ่อน้ำ มีจอกแหน บัว และผักตบชวา พอพลบค่ำ พวกยุงนั้นช่างน่ารำคาญใจ
เธอพายเรือไปถึงบ้าน สามียืนอย่างกระวนกระวายใจรออยู่ที่ระเบียงชั้นสอง เธอไม่เห็นเขาออกจากบ้านมานานแล้ว เธอสังเกตว่าเขาพยายามไม่มองข้างนอกบ้าน เขาไม่อยากนึกถึงรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงที่ยังห่อพลาสติกไว้ ราคาของมันเท่ากับเงินเดือนของเขาหลายปีและเขาไม่อยากจะคิดคำนวณต่อไปให้ปวดใจ บัดนี้รถยนต์แห่งอนาคตจมหายลงตรงปัจจุบันที่เคยเป็นที่จอดรถหน้าบ้าน อีกประมาณศอก น้ำจะท่วมถึงพื้นชั้นสอง
เขาไม่ได้ใช้ร่างกายมากนัก จากเคยมีพุงน้อยๆ บัดนี้เขาผอมลง แก้มกลมแดงวาวเวลาดื่มแอลกอฮอล์ ผมค่อยๆ ร่วงจนหัวเถิก เธอต้องเล็มผมให้เขาทุกเดือน ร่างกายของเขาหดฟีบห่อเหี่ยวลงอาจเพราะไม่ได้ใช้งาน เขากินอาหารสำเร็จรูปในปริมาณเท่าที่จำเป็น นอนหลับยาวนานผิวหนังซีดขาวเพราะไม่เจอแดด แต่เธอไม่เคยทักถึงความเปลี่ยนแปลง เพราะไม่อยากให้เขาไม่มั่นใจในตัวเอง เขาเคยชอบคุยเรื่องงานของตัวเอง ตั้งแต่ไม่มีงาน เขาก็เริ่มเงียบลงเรื่อยๆ และนอนเยอะขึ้น การนอนกลายเป็นงานหลักของเขาไปแล้ว และเธอห้ามรบกวน ตัวเหี้ยในห้องนอนจึงบั่นทอนจิตใจของเขาอย่างมาก แต่เขาก็กลัวมันมากเกินจะจัดการด้วยตัวเอง
“จู่ๆ มันเข้าไปในตู้ ผมเลยล็อคมันไว้ รีบเอามันออกไปเดี๋ยวนี้” เขาสั่ง เธอพยักหน้ารับทราบ ปีนจากเรือไปที่ระเบียงห้อง เมื่อเข้าไปในห้องนอน เธอได้ยินเสียงก็อกแก็กในตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดออกมา สัตว์ผู้บุกรุกจึงค่อยๆ คลานออกมาให้เธอได้เผชิญหน้ากับ “มัน”เมื่อน้ำสูงขึ้น พวกมันมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสาะหาร่างกายผู้ตายและเศษสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร
“มัน” คือ “เหี้ย” สัตว์กินซาก มีลำตัวรวมกับหางยาวพอๆ กับความสูงของเธอ มันจ้องเธอนิ่งด้วยสายตาเย็นชา ดวงตากลมวาวไม่กะพริบ สิ่งมีชีวิตแบบ “มัน” ดำรงอยู่โดยหากินกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ และซากศพ ผิวหนังดูหยาบกร้านตะปุ่มตะป่ำด้วยเกล็ดจุดขาวดำดูลายตา หน้าตาก็ไม่น่ารักเอาเสียเลย เธอรู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองกาลเวลาผ่านดวงตาของมันกลับไปในวิวัฒนาการหลายล้านปี
มันแลบลิ้นใส่เธอ เหี้ยแลบลิ้นเพื่อดมกลิ่น ลิ้นของมันรับรู้ละอองโมเลกุลในอากาศ มันกำลังชิมสภาพแวดล้อมรอบตัว ทุกครั้งที่ตวัดลิ้น เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกประเมิน ภาวนาให้มันรู้ว่านี่ไม่ใช่เหยื่อ เธอและสามีไม่ใช่อาหาร
“ออกไป คนจะนอน” สามีตวาดสัตว์ผู้บุกรุก แน่นอนว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ มันยังคงยืนนิ่งเหมือนพิจารณาดูเธอและเขา มันตวัดลิ้นยาวเป็นพักๆ แน่ล่ะ มันคงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด ตัวของมันไม่ใหญ่ แต่การมีอยู่ของมันทำให้รู้สึกว่าพื้นที่ห้องนอนคับแคบ
โลกนี้มีสัตว์ที่เรารัก มีสัตว์ที่เราเกลียด และสัตว์ที่เรากินเป็นอาหาร ไม่มีเส้นกั้นแบ่งชัดเจนว่าอะไรคือข้อแตกต่าง ตัวเหี้ยไม่น่ารักเหมือนหมาหรือแมว สัตว์เลื้อยคลานมักเป็นต้นฉบับของสัตว์ตัวร้ายในหนัง ร่างของมันใหญ่กว่าจิ้งจกและตุ๊กแกหลายเท่า สำหรับสามี พวกมันคือสิ่งปนเปื้อนน่ารังเกียจที่ต้องถูกกำจัดโดยเร็ว แต่เขาหวาดกลัวเกินกว่าจะจัดการมันด้วยตัวเอง
สิ่งมีชีวิตแปลกหน้านั้นเคลื่อนตัวช้าๆ มันคลานไปรอบๆ ห้อง หางของมันยาวไม่น้อยตวัดไปมา มันคลานหนีออกไปทางประตูระเบียงที่เปิดไว้ เธอและสามียืนมองมันค่อยๆ ว่ายน้ำไปจนลับตา เขาดูโล่งอก แต่เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเช็คความเสียหาย เขาพบคราบดิน และเมื่อเปิดดูใต้กองเสื้อผ้า พบว่ามีวัตถุกลมรียาวสีขาวขุ่นจำนวนมากวางทับซ้อนกัน วัตถุนั้นมีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่วางบนมือเธอได้พอดี
—
“ไอ้ตัวเหี้ยนั่น มันไข่ทิ้งไว้” สามีสบถ เธอสะดุ้ง ผู้คนคงไม่ชอบมันมากนักมาแต่ไหนแต่ไร เขาโกรธมาก เธอไม่รู้ต้องจัดการกับไข่เหล่านี้อย่างไร
เธอเห็นพวกมันบ่อยครั้งนอกหน้าต่าง ว่ายน้ำ หากิน หรือนอนอยู่บนขอนไม้ แต่เธอเพิ่งเคยเห็นไข่มันเป็นครั้งแรก เธอลองหยิบไข่หนึ่งฟองขึ้นมาวางบนมือ ไข่ของมันนิ่ม เปียกชื้นเล็กน้อย สีอ่อนกว่าไข่ไก่ เธอนึกสงสัยว่าไข่ตัวเหี้ยเอาไปทำไข่เจียวได้ไหม จะมีรสชาติเป็นอย่างไร แต่สามีคงไม่ยอมให้เธอกินของแปลกๆ พวกนี้
“คุณครับ พื้นที่แถวนั้น มันก็ท่วมไปหมดแล้ว จะมีสัตว์บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดานะครับ” เมื่อเธอโทรไปแจ้งให้คนเข้ามาจัดการ เจ้าหน้าที่สถานีกู้ภัยพูดด้วยเสียงสุภาพแต่ดูรำคาญ ทางการคงไม่มีกำลังคนมากพอ สัตว์เข้าบ้านไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ยังไม่มีใครตาย ใครบาดเจ็บ มีแค่ความไม่สบายใจของสามีที่ทำให้เธออึดอัด
“มันออกไข่มาเยอะเลยนะคะ ช่วยแนะนำได้ไหมว่าต้องจัดการยังไง” เธอขอความเห็น
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ถ้ากลัวมาก คุณโยนทิ้งน้ำไปเลยก็ได้มั้งครับ ถ้ารังเกียจ ก็รอให้มันฟักแล้วว่ายออกไปเองก็ได้ครับ” เจ้าหน้าที่พูดประชด อาจเพราะมีเรื่องเร่งด่วนมากมายรอเขาอยู่ ตราบใดที่ไม่มีคนเจ็บ คนตาย เจ้าหน้าที่คงไม่มา
“ค่ะ” เขาวางสายไปก่อนที่เธอจะได้ถามต่อ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28..
เธอค่อยๆ นับไข่และหาผ้าเก่าๆ มาห่อเอาไว้ สัตว์กินซากออกไข่ไว้ทั้งหมด 28 ฟอง
ข้างนอกเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ กองผ้าอับๆ ในตู้อาจมีผิวสัมผัสคล้ายพื้นดินที่มันตามหา ปกติพวกมันจะขุดหลุมตื้นๆ ในดินเพื่อฝังไข่ ข้างนอกน้ำท่วมสูงเป็นบริเวณกว้าง ไม่มีพื้นดินอีกต่อไป ตัวเหี้ยอาจจะหาแผ่นดินไม่พบ จึงมาไข่ทิ้งไว้ มันไม่รู้หรอกว่าสามีของเธอเกลียดและกลัวพวกมันมากแค่ไหน
สามีบอกให้เธอเอาไข่ทั้งหมดโยนลงน้ำเสีย เขาไม่อยากจะสัมผัสไข่ของมันด้วยซ้ำ เธอเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ในบ้านเสมอ มันเพิ่งวางไข่เมื่อครู่ ยังมีเวลาอีกนานกว่าพวกมันจะฟักตัว แม้พวกมันจะว่ายน้ำได้ แต่การจะโยนพวกมันลงน้ำไป ไข่ทุกใบจะจบชีวิตลงไปด้วยน้ำมือเธอ หายไปอย่างไม่มีใครรู้และสนใจ พวกมันจะหมดโอกาสจะได้เติบโต ออกหากิน ผสมพันธุ์ หาที่วางไข่เหมือนแม่ของมัน และมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกที่อุ่นขึ้นภายใต้หนองน้ำอันกว้างใหญ่
ไข่ 28 ฟองในกองผ้า ในสภาพแวดล้อมปั่นป่วนเช่นนี้ จะมีกี่ตัวที่ได้ลืมตาออกจากเปลือกหนามาดูโลก จะมีกี่ตัวที่ได้เติบโต จะมีกี่ตัวที่ได้สืบพันธุ์และวางไข่
สามีหยิบซองสีขาวออกมาจากตู้ เขาตักผงสีขาวเทลงแก้ว 2 แก้ว บอกเธอว่าวันนี้เขาตั้งใจจะนอนให้ได้ 48 ชั่วโมง เธอช่วยเขาเติมน้ำเปล่า ค่อยๆ คนจนเริ่มเข้าที่กลายเป็นของเหลวสีขาวอมชมพูข้นๆ ทั้งคู่ยกแก้วดื่มของเหลวอย่างรวดเร็ว รสชาติของมันเหมือนน้ำเต้าหู้ มีรสหวาน กลิ่นเหมือนยาสีฟัน แม้จะไม่อร่อยเหมือนอาหารที่เธอคุ้นเคย แต่มันมีทั้งสารอาหารและพลังงาน เธอไม่เคยชอบรสชาติของมัน แต่มันก็สะดวกสบายและเพียงพอให้มีชีวิตอยู่รอด
ตอนต้นปี สามีเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายไปกักตุนสารอาหารแบบผงสำเร็จรูปไว้มากมายโดยไม่บอกเธอก่อน ต่อไปนี้ เขาและเธอจะเปลี่ยนมากินสารอาหารสำเร็จรูป จะไม่ต้องจัดการเรื่องขยะเปียกเน่าเหม็น ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาอาหารขึ้นลง ไม่ต้องกลัวสัตว์จะเข้ามาคุ้ยเขี่ยหาอาหารในบ้าน เขาต้องการตัดตัวแปรไม่แน่นอนในชีวิตออกไปให้หมด เขาและเธอจะมีชีวิตรอดไปได้อีกหลายเดือน
“อาหารแห่งโลกอนาคต พวกเราไม่ใช่คนล้าหลัง” สามีย้ำกับเธอ ผงทดแทนอาหารสำเร็จรูปนั้นราคาถูก จัดเก็บง่าย จัดการง่าย คำนวณง่าย เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กทารกที่กินแค่นมผงก็เพียงพอ ลึกๆ เธอคิดถึงและอยากกินไข่เจียวแต่ก็ไม่ได้บอกเขา
ในหนังซอมบี้วันสิ้นโลก เราเห็นตัวละครวิ่งหยิบของฟรีในซูเปอร์มาร์เก็ตตามอำเภอใจ ในช่วงวิกฤติ ร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งกระดาษชำระ มีคนเพียงหยิบมือที่สามารถกักตุนอาหารไว้ได้ การสั่งของออนไลน์ไม่ได้ง่ายดายเหมือนก่อน น้ำมันเชื้อเพลิงแพงจนไม่คุ้มกับการขนส่ง บริษัททั้งหลายพากันปิดตัว
น้ำท่วมสูงจนครัวอยู่ชั้นล่างนั้นหมดประโยชน์ไปโดยปริยาย เธอออกไปจ่ายตลาดซื้ออาหารสดได้ยาก เมื่อผู้คนหายไปหมด ในที่สุด เมื่อแก๊สถังสุดท้ายหมด ก็ใช้เวลานานกว่าจะมาส่งทางเรือ ตู้เย็นใช้พลังงานมากเกินไป พลังงานแสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพลดลงจากท้องฟ้ามืดครึ้มต่อเนื่อง การทำอาหารจึงเป็นเรื่องยากลำบาก
ในสภาพอากาศเช่นนี้ เธอนึกสงสัยเสมอว่าว่ายายจะทำอย่างไร ยายของเธอคงพายเรือออกไปคล่องแคล่วและหาอาหารได้เก่งกว่าเธอและสามี ตอนเธอยังเด็ก เธอเคยไปเยี่ยมยายที่บ้าน ออกไปตามหาว่าไก่ไข่ทิ้งไว้ตรงไหน ยายเล่าให้ฟังว่า สมัยเด็ก บ้านยายเคยเลี้ยงไก่จำนวนมาก ทำให้มีไข่กินตลอดปี บางวันยายต้องฆ่าไก่เพื่อทำอาหารเลี้ยงคนในครอบครัว เธอขนลุกเมื่อนึกถึงภาพเลือดกระฉูดจากคอไก่ ร่างของไก่อ่อนปวกเปียก ไม่อยากนึกว่ายายที่น่ารักใจดีฆ่าไก่ไปกี่สิบกี่ร้อยตัว เวลานั้นเธอรู้สึกกลัวยายจับใจ
ตอนอาหารขาดแคลนใหม่ๆ สามีลองสั่งไก่มาเลี้ยงบนดาดฟ้า แม้ค่าขนส่งแสนแพงแต่ก็คิดว่าคุ้มค่าเพราะจะได้มีไข่ไว้กินแก้เบื่อแทนอาหารสำเร็จรูป เธอหวังว่าจะไม่อดอยากจนต้องฆ่าพวกมันเพื่อมาปรุงอาหาร เธอดูคลิปฆ่าไก่ด้วยมือเปล่า และตัดสินใจว่าคงฆ่าพวกมันไม่ลง แต่ไม่ทันไร วันรุ่งขึ้น ไก่ก็หายไปหมดเหลือเพียงดาดฟ้าที่ว่างเปล่า สามีโกรธมาก เขาเดาว่าตัวเหี้ยหรืองูคงแอบมากินพวกมันไปหมด จากนั้นเขาและเธอจึงยกเลิกความคิดจะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ แม้จะมีอาหารอยู่ข้างนอกแต่เราไม่เคยต้องออกไปหาเอง มันเป็นเรื่องยากลำบากเกินไป
โลกในหนังสารคดีที่มีเสียงพากย์นุ่มลึกราวเป็นเสียงจากสวรรค์ของพระเจ้าอันอบอุ่นล้วนมีสัตว์มากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจ เวลาผู้คนบอกว่าพวกเขารักธรรมชาติ พวกเขามักหมายถึงหมีแพนด้าในป่าลึก โลมาในแม่น้ำอิรวดี ลิงอุรังอุตังในป่าฝนร้อนชื้นเขตศูนย์สูตร นกหายากบนเกาะฮาวาย พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร หาก”ธรรมชาติ”เคลื่อนมาอยู่ติดหลังบ้าน หากเหล่าสัตว์เริ่มบุกรุก แย่งอาหาร และนำพาโรคภัย พวกเขาจะยังยิ้มแย้มบอกว่ารักสัตว์อยู่ไหม พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากธรรมชาตินั้นจะฉีกทึ้งร่างพวกเขาเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือสภาพที่จะจดจำได้
แม้อาหารขาดแคลนหรืออากาศแปรปรวน ร่างกายมนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการมาให้สามารถจำศีลเองได้อัตโนมัติ
เวลานี้ไม่มีการออกจากบ้านไปทำงานเหมือนรุ่นพ่อแม่ แทบไม่เหลืองานอะไรต้องทำอีกแล้ว สามีค้นพบว่าเวลานอนเป็นช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เขาไม่เครียด ไม่กังวล เขาค่อยๆ ฝึกร่างกายให้นอนได้ยาวนานเป็นสิบๆ ชั่วโมงผ่านคำแนะนำของเทรนเนอร์การนอนทางวิดีโอคอล เขาเข้าร่วมกลุ่มออนไลน์แข่งขันเก็บชั่วโมงนอน เสมือนเป็นกีฬาเก็บแต้มประเภทหนึ่ง
สามีหยิบกระปุกยานอนหลับออกมา เขาบอกว่ามันเป็นรุ่นทดลองใหม่ เขากินยานอนหลับสีฟ้าอ่อนเข้าไปสามสี่เม็ดและดื่มน้ำตาม อวดเธอว่า มันคือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้มนุษย์ลดกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ลดความอยากอาหาร ลดการใช้พลังงาน ลดอุณหภูมิร่างกายทำให้คนสามารถเข้าใกล้ภาวะจำศีลได้ ร่างกายของพวกเขาเข้าใกล้สัตว์จำศีลเพื่อหลบหนีจากสภาพอาหารขาดแคลนหรือสภาวะแวดล้อมอันตราย
เธอมองดูสามีค่อยๆ สะลึมสะลือ สวมเฮดเซ็ทที่มีภาพและเสียงน้ำไหลช่วยให้ผ่อนคลาย เอนตัวลงนอนบนเตียง ห่มผ้าหนานุ่มใยสังเคราะห์ เพียงครู่เดียว สามีก็ส่งเสียงกรนเบาๆ เขาหลับสนิทในที่สุด แม้เธอจะรู้สึกเหงาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว แต่นี่คือความสุขเดียวที่เขามี เขาบอกเธอว่าคราวนี้จะนอนหลับให้ได้สักสองวันเต็ม
เขาคะยั้นคะยอให้เธอมาร่วมกิจกรรมแต่เธอปฏิเสธ เขาเล่าว่าบางคนสามารถนอนหลับได้ยาวนานหลายวันเพราะบางคนอาศัยอยู่ในเขตแล้งที่อาหารขาดแคลน เธออาจเป็นคนหัวโบราณเพราะยังชินกับการนอนวันละ 7-8 ชั่วโมงเหมือนคนรุ่นพ่อแม่ การนอนยาวนานทำให้เธอปวดหัวและเมื่อยตัวในวันรุ่งขึ้น
เธอไม่เข้าใจว่าการนอนนั้นช่วยอะไรนอกจากทำให้เวลาผ่านไปไวขึ้น สามีบอกว่านั่นแหละคือเป้าหมายสำคัญ นอนเพื่อให้เวลาร้ายๆ ผ่านไป เขาอธิบายว่ามันก็เหมือนเวลาเราดูหนังไซไฟ ตัวละครนั้นจำศีลยาวนานหลับไปขณะที่เดินทางข้ามกาแลกซี สภาพอากาศที่ย่ำแย่นั้นเหมือนเวลาที่เรานั่งเครื่องบินตกหลุมอากาศ หรืออยู่ในเรือท่ามกลางคลื่นสูง หรือต้องเดินทางไกล เราก็แค่หลับไปให้นานพอที่จะไม่ต้องรู้สึกอะไร ไม่ต้องหวาดกลัว และตื่นขึ้นเมื่อถึงปลายทาง
—
ในเช้าวันถัดมา อากาศร้อนมากจนเธอเหงื่อตก เธอตื่นขึ้น เปิดหน้าต่างดู ระดับน้ำลดลงมาเล็กน้อย ทุกอย่างนิ่งสงบ มีเพียงเสียงนกร้องข้างนอก เธอเปิดหน้าต่างเพื่อระบายความร้อน แดดข้างนอกจ้า เธอรู้สึกหิว
จนถึงวันที่สามแล้วสามีก็ยังไม่ตื่น ครั้งนี้เขาหลับสนิทแม้มีเสียงพายุรุนแรงอยู่หลายชั่วโมงในช่วงที่ผ่านมา การนอนครั้งนี้เป็นครั้งที่ยาวนานที่สุดของเขา
เธอแอบเข้าไปในห้องที่เงียบและมืดสลัวของสามี ร่างของเขานอนนิ่ง เมื่อเธอเอาปลายนิ้วแตะผิวหนังของเขา หัวใจเธอแทบหยุดเต้น เนื้อตัวของเขาเย็นเฉียบผิดกับอากาศร้อนอบอ้าว เมื่อเธอเปิดไฟจึงพบว่าผิวหนังของเขาซีดและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอเขย่าแขนเขา ร่างของเขาแข็งทื่อ วินาทีนั้นเธอเห็นความตายอยู่ตรงหน้า เมื่อเธอเอามือไปอังตรงจมูกเขาไม่หายใจเสียแล้ว เขาได้จากไปแล้วอย่างเงียบเชียบ
เธอเปิดดูข่าว มีรายงานว่า มีคนมากมายตายเพราะฮีทเวฟฉับพลันโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า อากาศแปรปรวนเหนือการคาดคะเนของพยากรณ์อากาศ แม้สามีของเธอพยายามจำกัดตัวแปรความเสี่ยงในชีวิต แต่เขาอาจเปราะบางกว่าที่ตัวเองคิด ร่างของหลายคนที่ตายถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว ข่าวบอกให้ระวัง อาจมีสัตว์กินซากที่ทำงานไวกว่าเจ้าหน้าที่ไปถึงก่อนเพื่อรุมแทะร่าง นึกถึงคำที่สามีบอกไว้ว่า ไม่มีใครอยากตายไปโดยไม่มีใครรับรู้ และถูกทิ้งไว้จนกลายเป็นอาหารของสัตว์
ฝนหยุดตกเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน น้ำเริ่มลดไปเล็กน้อย พยากรณ์อากาศบอกว่าหน้าแล้งยาวนานอาจกำลังมาแทนที่
เขาตายอย่างเป็นทางการทั้งบนเตียงและในเอกสาร เธอลงทะเบียนการเสียชีวิตของเขาในระบบ เธอเพียงแค่ถ่ายรูปและวิดีโอร่างกายของเขาเพื่อยืนยัน กระบวนการเสร็จสิ้นง่ายดายไปอย่างง่ายดายรวดเร็วสมเป็นโลกสมัยใหม่ ต่อให้เขาตายไปแล้วในเอกสาร ร่างกายของเขายังแน่นิ่งอยู่บนเตียงขนาด 6 ฟุตตรงหน้า เธอนั่งดูร่างกายของสามีอย่างเลื่อนลอย เธอต้องทำอย่างไรต่อไป
สามีของเธอเป็นหนึ่งในคนมากมายที่จากไป ร่างกายของเขาต้องรอเพราะเตาเผาศพไม่ว่างไปอีกหลายวัน การเผาศพนั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ การฝังดินก็ยากเพราะมีพื้นดินเหลือไม่มากในบริเวณนี้
เธอต้องรออีกนานกว่าจะมีรอบเรือมารับศพเขาไปเผา เขาบอกให้เธอทำใจเพราะคนอื่นๆ ก็ต้องรอเหมือนกัน ระหว่างรอเธอจัดงานศพออนไลน์ให้สามี มีคนมาร่วมไม่มากนัก มีคนเข้ามาแสดงความเสียใจบ้าง พวกเขาอาจหลับอยู่ บางคนอาจตายไปโดยที่เธอไม่ทราบ หรือเลิกติดตามข่าวคราวคนรู้จักไปเสียแล้ว
ระหว่างรอ ระบบได้ส่งวิดีโอและแผ่นภาพอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับร่างกายของสามี เธอเปิดดูคลิปวิดีโอตัวอย่างการเน่าสลายของซากหมู นี่คือขั้นตอนเดียวกันกับการเน่าสลายที่กำลังดำเนินไปอย่างเงียบเชียบโดยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในร่างกายของสามี
หากอากาศร้อนและแห้งก็คงดี ร่างกายเขาอาจจะกลายเป็นมัมมี่และย่อยสลายช้าลง แต่อากาศกลับเริ่มร้อนและชื้นขึ้นอย่างรุนแรง เธอลากร่างกายของสามีไปห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้า เอาฝักบัวชำระร่างกาย อาบน้ำให้เขาอย่างสะอาดหมดจด หวังว่าพวกแมลงนักย่อยสลายจะยังไม่ทราบถึงการตายนี้ เธอเอาน้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบฉีดพรมลงร่างเพื่อกลบกลิ่น
เจ้าหน้าที่ยังไม่ติดต่อมา แบคทีเรียในร่างกายของสามีเริ่มรอไม่ได้ พวกแมลงเริ่มมาแม้เธอพยายามเอาผ้าห่อเขาไว้อย่างมิดชิด กระบวนการย่อยสลายในร่างกายอันเงียบเชียบของเขาอาจเริ่มทำงาน เวลาผ่านไปร่างกายของสามีเริ่มเปลี่ยนสีและนิ่มลง ตัวเขาเริ่มมีกลิ่น ร่างผอมของเขาเริ่มพองขึ้นเล็กน้อย เธอหวั่นว่าหากร่างกายของเขาเริ่มเก็บของเหลวภายในไว้ไม่ไหวจะมันล้นทะลัก อีกไม่นานพวกสัตว์กินซากคงจะรับรู้และเริ่มมาเป็นแน่ เธอไม่อยากรออยู่ที่บ้านอีกแล้ว เธอตัดสินใจจะพายเรือออกไปหาที่ฝังศพสามีด้วยตัวเอง
เธอว่ายน้ำลงไปห้องเก็บของชั้นล่าง หาเสียมขุดดินอย่างทุลักทะเล ห่อร่างสามีด้วยผ้าปูที่นอนนุ่มที่เขาโปรดปราน หวังว่าจะช่วยลดกลิ่นและซับของเหลวจากร่างกายเขาได้บ้าง หญิงสาวร่างเล็กต้องแบกและลากร่างสามีวางพาดเรือลำเล็กอย่างทุลักทุเลจนเรือโคลงเคลง เธอเตรียมน้ำและอาหารใส่บนเรือ เพราะไม่รู้ว่าภารกิจนี้จะยาวนานเท่าไหร่ เธอค่อยๆ เริ่มพายเรือออกไปอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ใจว่า จมูกเริ่มชินกับกลิ่นหรืออากาศภายนอกถ่ายเท
ท่ามกลางหนองน้ำ พื้นดินที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลฯ หวังว่าบางทีอาจจะมีเรือผ่านมาแล้วช่วยเหลือ สามีได้ออกจากบ้านเป็นครั้งแรกในรอบปี ปกติแล้วเธอเป็นคนที่ออกไปทำนู่นทำนี่ที่เขาต้องการ เขาไม่อยากออกไปเจอโลกภายนอก
—
เธอเคยถามสามีว่าหากใครคนใดคนหนึ่งตายไป จะจัดการกับศพกันอย่างไร เขาและเธอไม่มีศาสนา จึงไม่ต้องการพิธีกรรมให้วุ่นวาย มีคนมากมายตายไปโดยไม่มีโอกาสได้ระบุว่าอยากให้จัดการร่างกายเขาอย่างไร
สามีบอกว่าเขาคงอยากถูกฝังสักที่หนึ่ง หรือเผาให้หายไปได้ก็คงจะดี แต่มองดูหนองน้ำนอกบ้านอันกว้างใหญ่ เธอก็ท้อใจ เธอไม่แน่ใจว่าพื้นดินที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมตัวเหี้ยถึงมาไข่ทิ้งไว้ในกองผ้า มันเองก็ยังหาพื้นดินเพื่อวางไข่ไม่พบ เธอจะพาร่างสามีไปฝังที่ไหน
ที่ทิเบต ร่างกายคนตายจะถูกวางทิ้งไว้ในที่โล่งเพื่อให้แร้งกิน เพื่อจะได้กลับสู่ธรรมชาติ แม้จะดูโหดร้าย แต่เธอมองว่ามันสวยงาม สามีบอกว่า ช่างเป็นความตายที่เพ้อเจ้อและเป็นภาระให้คนที่มีชีวิตอยู่เหลือเกิน เราต้องใช้เงินและใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลมากเท่าไหร่เพื่อพาร่างเธอไปย่อยสลายให้แร้งกินที่บนภูเขาสูงห่างไกลเหนือระดับน้ำทะเล เธอช่วยเห็นใจคนที่มีชีวิตอยู่บ้างเถอะ เธอบอกว่า ไม่ต้องไปที่ทิเบตก็ได้ ที่อินเดียคนเอาร่างคนตายไปโยนแม่น้ำคงคา
แต่ถ้าน้ำขึ้นก็โยนหลังบ้านไปเลย สามีบอกว่าเขาไม่อยากเห็นภาพนั้น สามีกลัวจับใจเมื่อนึกว่าเขาอาจจะตายอย่างโดดเดี่ยวและถูกพวกสัตว์เลื้อยคลานแทะร่าง การถูกกินโดยสัตว์อื่นคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ หากน้ำลง เขาฝังร่างเธอไว้หลังบ้านก็ได้ เขาบอกว่าตัวเหี้ยอาจจะขุดร่างของเธอไปแทะกินอยู่ดี
เธอบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา หากวันนึงเธอตายไป เธอคิดว่า ไม่เป็นไรหากพวกมันจะกินร่างกายของเธอเป็นอาหาร เธอคงจะไม่ได้อยู่รับรู้อีกแล้ว เรากินสัตว์อื่นได้มากมาย ถ้าเราตายไปแล้วต้องกลายเป็นอาหารของสัตว์อื่นบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เขาขมวดคิ้ว ดูไม่พอใจ ถามเธอว่า หากเขาตายไปเธอจะปล่อยให้เป็นอาหารสัตว์ไหม เธอบอกว่าต้องรอและดูก่อน เขาโกรธเธออยู่หลายวัน เธอสัญญาไม่ได้ว่าจะจัดการกับศพเขาได้ตามต้องการในโลกที่มีสภาพเช่นนี้ เธอไม่รู้เหมือนกันต้องทำอย่างไร และภาวนาให้เธอตายก่อนจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ลึกๆ แล้วเธอเชื่อว่าเขาคงเรียกใครสักคนมาจัดการ หรือปล่อยร่างเธอทิ้งไว้แล้วหนีไป เขาเองยังไม่สามารถจัดการได้แม้กระทั่งสัตว์เลื้อยคลานในห้องนอนตัวเอง
สามีทำจมูกยู่ สีหน้าเหยเก เขาเปลี่ยนเรื่องคุย เขาคงไม่อยากคิดถึงเรื่องพวกนี้ พอน้ำท่วม เธอกับเขาเห็นตรงกันน้อยลงเรื่อยๆ แต่เธอมักเงียบไว้และเออออไปกับเขาให้ผ่านไป
คนรู้จักของเธอหย่าร้างมากมาย อาจเพราะสภาพอากาศโลกไม่อำนวยให้คนมีความรัก โลกที่แย่ทำให้ผู้คนสับสนและปั่นป่วน แม้แต่อารมณ์ทางเพศก็เหือดหาย ถึงเธอกับสามียังคงอยู่ด้วยกัน แต่เธอไม่เคยบอกใครว่าเคล็ดลับของชีวิตคู่คือการไม่พูดจา ไม่ทะเลาะ ไม่ถกเถียง
เวลาผ่านไป เขาและเธอแทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่เรายังต้องพึ่งพาอาศัยกันในวิกฤติเช่นนี้ แม้เขาจะเป็นคนบอก ส่วนเธอต้องเป็นคนลงมือทำเองเสียทั้งหมด
—
การพายเรือในระยะทางไม่กี่กิโลเมตรนั้นใช้เวลานานกว่าที่คิด เธออาจไม่ได้ใช้แรงมากนัก เธอค่อยๆ พาเรือไปจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม
พอเธอพายเรือออกไปถึงแม่น้ำ มีเรือพลังงานไฟฟ้าลำใหญ่แล่นผ่านเธอไปจนเกิดคลื่นที่ทำให้เรือโคลงเคลง เธอหวั่นว่าร่างของสามีจะหล่นลงน้ำ พวกเขาชะลอเรือเพื่อมองดูเธอ พอคิดได้ว่าในห่อผ้าดูเหมือนจะเป็นคนตาย พวกเขาก็รีบเร่งเรือผ่านไปโดยไม่ไถ่ถาม
เมื่อเธอพายเรือผ่านบ้านตามซอกซอย บางบ้านเปิดหน้าต่างออกมาแอบมองอย่างสงสัย พอดูรู้ว่าเป็นศพคนตาย พวกเขาก็รีบปิดหน้าต่างหนีอย่างรังเกียจ เธอสังเกตเห็นบางบ้านปลูกต้นกล้วยไว้ที่ดาดฟ้า มีคนทำสวนผักลอยน้ำอยู่ตามทาง ขณะที่เธอกับสามีใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้าน กินอาหารสำเร็จรูป โลกข้างนอกได้เปลี่ยนไปแล้ว
เธอเห็นกลุ่มคนออกเรือตกปลาอยู่ตามจุดต่างๆ จึงพายเรือไปถามพวกเขาว่า พื้นดินที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน พวกเขาชำเลืองมองห่อร่างกายของสามีแล้วหัวเราะ บอกให้เธอโยนศพทิ้งน้ำไปเลย เพราะไม่มีใครแคร์แล้วตอนนี้ แต่เธอยืนยันว่าจะพยายามจนถึงที่สุด พวกเขาส่ายหัว บอกให้เธอถอดใจ อีกไม่นานพระอาทิตย์จะตกดินแต่เธอยังไปไหนไม่ได้ไกล ลุงคนหนึ่งแบ่งหอยตัวเล็กๆ ประมาณ 2 กำมือมาให้เธอในถุงพลาสติก พร้อมกับผักบุ้งน้ำอีก 1 กำ พวกเขาชวนเธอออกมาหาปลา หาหอยด้วยกันในวันหน้า เธอพยักหน้าขอบคุณ
—
เธอไม่ได้ออกจากบ้านมาไกลขนาดนี้นานมากแล้ว สภาพบ้านเรือน ซอย ถนนที่เธอคุ้นเคยได้เปลี่ยนไปหมด
สามีที่แน่นิ่งนั้นไม่มีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าสีส้มตรงหน้า เธอหยุดพักมองดูดวงอาทิตย์ตกสะท้อนผิวน้ำ เธอหลงทาง
เธอเห็นปลาในน้ำ มีงูตัวใหญ่ยาวว่ายผ่านและหายไป เหลือเป็นเส้นคลื่นไหวๆ เธอรู้สึกกลัวจับใจแต่มันไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ นกสีขาวตัวหนึ่งบินผ่านไป มันพุ่งไปในน้ำอย่างว่องไว คว้าปลาในน้ำ และกลืนลงคออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินหายไป มันรอดชีวิตไปอีกมื้อ
ในน้ำอาจมีปลามากมายในขณะที่ผู้คนหนีหายไปหมด เธอมีทักษะหาอาหารแย่กว่าพวกนกเสียอีก เธอเหนื่อยและร้อน ร่างกายเปียกเหงื่อผสมกับละอองน้ำจากการพายเรือ เธอร้อนออกจนต้องถอดเสื้อออกเหลือเพียงชุดชั้นใน ชำเลืองดูสามีที่ยังคงเงียบสงัดไร้ความเคลื่อนไหวในห่อผ้า เขาไม่สามารถแสดงความเห็นเวลาเธอแต่งตัวไม่ถูกใจได้อีกแล้ว เขานอนหลับไปตลอดกาลอยู่ในห่อผ้าปูที่นอนสีขาวที่เริ่มเลอะคราบน้ำและฝุ่นโคลน
—
เธอพักเพื่อดื่มน้ำ ก่อนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างทางด้านหลัง เมื่อเธอหันหลังมองไปในน้ำ มีตัวเหี้ยหลายตัวว่ายตามเรือเธอมาอย่างเงียบเชียบ เธอไม่สามารถจดจำได้ว่าในบรรดาตัวเหี้ยในกลุ่ม มีตัวที่มาวางไข่ในห้องนอนเธอหรือเปล่า พวกมันหน้าตาเหมือนกันหมด ดูเฉยชาและเงียบเชืยบ
เธอพยายามพายเรือหนีจนเริ่มหมดแรง พวกมันว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่ว ลิ้นของมันแลบออกมาเพื่อรับกลิ่นและรสชาติของศพสามีอย่างไม่เกรงใจ พวกมันคงรู้แล้วว่าร่างในห่อผ้านั้นไม่มีชีวิต บัดนี้ เขากลายเป็นเป้าหมายชิ้นใหญ่ของมันแล้ว เธอหวังว่ามันจะเว้นชีวิตเธอไว้ พวกมันหลายตัวปีนขึ้นมาจนเรือโคลงเคลง เธอพยายามใช้ไม้พายตีเพื่อไล่ แต่พวกมันไม่สนใจ พวกมันลากห่อร่างสามีลงน้ำไป แกะห่อผ้าอย่างรวดเร็วจนร่างเขาจมลงไปในผืนน้ำสีเข้ม พวกมันว่ายตามไป ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรอบตัวเธอกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
—
บัดนี้สามีได้หายไปเป็นส่วนหนึ่งกับผืนน้ำที่เขาเกลียด ไม่ว่าเขาจะพอใจหรือไม่ก็ตาม ร่างกายของเขาได้กลายเป็นถุงพลังงานชั้นดีของเหล่าตัวเหี้ย ร่างที่มีทั้งไขมันและเนื้อเยื่อคงทำให้พวกมันอิ่มไปได้หลายวัน ร่างกายของเขาอาจย่อยสลาย บางส่วนจมลงไป บางส่วนกลายเป็นอาหารของปลาในน้ำ บางส่วนอาจกลับขึ้นมาเหนือน้ำไปเมื่อมีนกมากินปลาอีกที หรือเมื่อมีใครสักคนตกปลาพวกนั้นไป เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างเป็นกิจวัตร แค่ครั้งนี้เธอได้เป็นพยาน
เธอเสียใจที่ทำตามสัญญาไม่ได้ เธอไม่อาจพาร่างเขาไปฝังในพื้นดินหรือไปเผาได้ตามที่เขาต้องการ แม้มันอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่เธอได้พยายามถึงที่สุดแล้ว เขาไม่ได้ตายอย่างโดดเดี่ยว มีเธออยู่เพื่อเฝ้าดูจนนาทีสุดท้าย อีกล้านปีข้างหน้า พื้นดินตรงนี้อาจแห้งไปกลายเป็นพื้นดิน เขาอาจโชคดี กลายเป็นซากมัมมี่ให้นักโบราณคดีในอนาคตมาขุดพบ ชายไร้นามผู้ตายในยุคสมัยที่กรุงเทพฯ เคยเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ รวมเป็นผืนเดียวกับระดับน้ำทะเลที่ท่วมสูง
เธอหยุดพายเรือ นั่งถอนหายใจ มองดูพระอาทิตย์กำลังตก เขาตายไปในวันฟ้าปลอดโปร่ง เธอไม่มีเหลือใครให้คุยเรื่องดินฟ้าอากาศด้วยอีกต่อไป
เธอคิดถึงเขาสมัยที่น้ำยังไม่ท่วม วางแผนอนาคตร่วมกัน เธอกับสามีตัดสินใจจะไม่มีลูก ไม่อยากให้ใครต้องเกิดมาในสภาพอากาศเช่นนี้ โลกแสนจำกัดและแตกต่างกับตอนที่เธอและเขาเคยรู้จักเหลือเกิน แม้จะไม่เห็นด้วยกันในทุกเรื่อง แต่เธอและเขาก็ทำดีที่สุดแล้ว
เธอพยายามคิดถึงเขาในช่วงแรกๆ ที่เคยเป็นคนใจดีและอบอุ่น พอสภาพอากาศย่ำแย่ ในช่วงปีสุดท้าย เขากลายเป็นเด็กชายที่เอาแต่ใจ กินแต่อาหารผง กังวลไปแทบทุกอย่าง นอนทั้งวัน ขี้โวยวาย บางทีก็กลายเป็นทารกแบเบาะที่พูดพึมพำในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ เธอเหมือนมีลูกมากกว่าสามี แต่เธอเองไม่เคยมีลูกจริงๆ เลยไม่แน่ใจว่าการมีลูกนั้นจะรู้สึกเช่นนี้ไหม
—
เราอยู่กลางหนองน้ำกว้างใหญ่ มีสัตว์และต้นไม้มากมายข้างนอก เธออยากออกไปตกปลา ลองหาอาหารรอบๆ บ้าน ดูอาจมีผักบางอย่างกินได้ แต่เขาส่ายหัว มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา เราจะเอาตัวเองไปเสี่ยงทำไม พลังงานที่เราต้องออกไปหาอาหาร นั้นไม่คุ้มกับอาหารที่ได้มาหรอก เขาบอกเธอว่า เราไม่รู้หรอกว่าอะไรกินได้ไม่ได้ หากกินแล้วป่วยหรือตายคงลำบาก เราไม่ควรต้องมาหาอาหารเหมือนพวกสัตว์โง่เง่าข้างนอก พวกมันเหนื่อยต้องออกหากินทั้งวันทั้งคืน แยกอาหารกับซากพลาสติกยังไม่ออก
วุ่นกับความตายของสามี เธอลืมนึกถึงไข่เหี้ย 28 ฟองในกองผ้า
เขาไม่มีโอกาสได้เห็นพวกมันมากมายยั้วเยี้ยเต็มบ้านให้รบกวนจิตใจ
บัดนี้เขาไม่อยู่เพื่อมองดูพวกมันค่อยๆ ฟักออกจากไข่ ลืมตาเกิดมาในโลกอย่างโดดเดี่ยว เงียบเชียบ ไม่มีชื่อ ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครสนว่าพวกมันเกิดหรือตายไป กว่าจะเติบโต พวกมันบางตัวอาจไม่รอด อาจถูกกิน กินกันเอง มีผู้โชคดีไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะอยู่รอดจนได้ผสมพันธุ์และวางไข่ หากเธอโยนทิ้งน้ำไปเสีย ความเป็นไปได้ของพวกมันทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น
ต่อไปนี้เธอต้องอยู่คนเดียวในหนองน้ำ เธออาจอดตาย หรือเธออาจจะรอด ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เธอคาบไฟฉายและค่อยๆ พายไปข้างหน้าในความมืด อีกไกลกว่าเธอจะพายไปถึงบ้าน เธอเริ่มหมดแรง แขนของเธอล้า ร่างกายเหนอะหนะจากเหงื่อที่แห้ง เริ่มนึกอะไรไม่ค่อยออก
ท้องของเธอร้อง เธอหิว พรุ่งนี้เธอจะกินอะไรดี
เธอสงสัยว่าไข่หนึ่งฟองมีพลังงานกี่กิโลแคลอรี
… ถ้าไข่จะเหลือสัก 20 ฟองคงไม่เป็นไร